Thursday, 22 September 2011

เรียบร้อย เหมือนได้บ้านใหม่มา

และแล้วก็จบสิ้นการซ่อมแซมบ้าน มีช่างเข้ามาแก้ให้ 3 ทีม แบ่งเป็นส่วน ๆ  รั้วรอบบ้านรวมทั้งต้นไม้ ทาสี และยาแนว ส่วนตัวประตูต้องเรียกช่างของบริษัทเข้ามาซ่อมแทน เพราะช่างโครงการแก้เองไม่ได้

ยาแนวจริง ๆ ง่ายแฮะ  แค่ซื้อยาแนวหลอดใหญ่ ๆ แล้วเอามาป้ายตรงที่เราจะยา เช่นรอยต่อฝ้า หรือ กระเบื้องเอานิ้วปาดให้เรียบ ( เอานิ้วจุ่มน้ำหน่อยกันติดนิ้ว)  เดี๋ยวคราวหน้าซ่อมเองก็ได้

ส่วนสวนเค้าเอาดินมาเติมให้ ตอนแรกเอาดินมาเติมแต่ไม่ยอมลงต้นไม้ให้เหมือนเดิม พอเราทักไปช่วงบ่ายเค้าก็เอามาลงให้เหมือนเดิม ก็โอนะ

สีบ้านที่มีรอยขี้นก ตอนนี้มันหายไปหมดแล้ว.. ดีจัง

ตอนนี้เหมือนได้บ้านใหม่ แต่เสียดายประกันหมดแล้ว ต่อไปต้องดูแลอย่างดี แล้วถ้ามีขี้นกอีกเราจะทำไงเนี๊ยะ ไม่รู้จะล้างยังไง มันสูงอ่ะ หรือว่าเราควรจะซื้อที่ฉีดน้ำที่แรงอัดสูงๆ มาฉีด แต่แอบกลัวมันแรงจนสีหลุด ทำไงดีเนี๊ยะ

Wednesday, 10 August 2011

ประกันบ้านครั้งสุดท้าย

ใกล้จะหมดประกันบ้าน 1 ปีแล้ว เลยต้องรีบตรวจบ้านกันอีกรอบเป็นการใหญ่ ที่เห็นหลัก ๆ ก็จะเป็นเรื่องสีแตกลายงา และสีหลุดร่อน โดยเฉพาะกำแพงรั้วบ้านที่โดยฝนอยู่เป็นประจำ

เจ้าหน้าที่โครงการเข้ามารับเรื่องเมื่อวันเสาร์ หลังจากพาดูรอบ ๆ บ้าน สรุปว่าเค้าจะทาสีให้ใหม่หมดทั้งหลังแฮะ เพิ่งรู้ว่าจริงๆ อย่างงี้เค้าเรียกว่า "ปัญหา" ที่อยู่ในสัญญาประกันเรื่องสี ไอ้เราก็แอบคิดว่าจะไม่อยู่ในประกันหรือเปล่า เพราะมันดูเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง แค่บ้านมันดูมีตำหนิ ไม่สวย รู้อย่างงี้เรียกเคลมตั้งนานแล้ว เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้เรียกซ่อมแซมได้ต่อ แต่ตอนนี้ได้เท่าที่เจ้าหน้าที่เค้าจดไปหรืออาจเพิ่มได้จนวันหมดสัญญา อีกเดือนเดียวเอง จะดูทันมั้ยหล่ะเนี่ยะ

รายการที่ต้องซ่อมแซมก็คือ
1. สีรอบตัวบ้านทั้งหลัง
2. สีกำแพงรั้วรอบบ้าน ( ต้องตัดหญ้าให้ช่างเค้าด้วย เพราะจะได้ทาสีได้ )
3. สีหรือปูนรอบบ้านที่กระเทาะ ช่างจะสกัดออกแล้วฉาบให้ใหม่
4. ประตูเลื่อนห้องครัว ล็อคยาก
5. ปูนโรงรถและเสาหน้าบ้านที่กระเทาะ เนื่องจากดินเริ่มทรุดตัว ( ช่างจะฉาบปุนตรงที่แยกกันให้ แต่ใยอนาคตถ้าดินทรุดอีก ก็อาจจะแยกได้อีก )
6. สวนหินหน้าบ้านที่ดินทรุด เค้าจะมาเติมทรายและปูหินให้ใหม่
7. บ้านส่วนที่เป็นสีเข้ม ช่างเค้าบอกว่าสีซีดแล้วเดี๋ยวมาทาให้ใหม่ .. งง อย่างงี้เรียกซีดแล้วหรอ ดูไม่ออก ไม่บอกก็ไม่รู้หรอกนะเนี่ยะ
8. ซิลิโคนที่ยาแนวไม่เนี๊ยบ เค้าจะมายาแนวให้ใหม่ .. เดี๋ยวต้องหาจุดเพิ่มจะได้เคลมทีเดียว

หลังจากชี้จุดกันอย่างสนุกสนาน (ซึ่งจริง ๆ มีแต่ 2 เรื่องเองที่จะเคลม แต้ช่างเค้าดีอ่ะ เค้าไกด์ให้ทั้งนั้นเลย ) ก็เริ่มหาจุดใหม่ ๆ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแฮะ เช่น

1. น้ำห้องน้ำไหลลงท่อช้า : นั่นเป็นเพราะตรงตัวปิดท่อเค้าใช้แบบที่ช่วยดักกลิ่นด้วย จึงทำให้น้ำมันลงช้าเองตามอุปกรณ์ ไม่เกี่ยวกับท่อ หรือการระบายน้ำ สังเกตถ้าเอาที่ปิดท่อออกน้ำจะไหลลงท่อได้ง่ายตามปกติ  แบบว่าได้อย่างเสียอย่าง นั่นเอง

2. น้ำไม่แรง : เรื่องนี้แก้ได้ไม่ยาก แค่เปลี่ยนปั้มน้ำ เพราะเฟสแรก ๆ ทางโครงการใช้ปั้มขนาด 250 watt แต่พอมาโครงการเราเค้าเปลี่ยนสเปค เป็น 150watt เอง ก็เลยทำให้ลูกบ้านมีบ่น ๆ กันเหมือนกันว่าน้ำไม่แรงโดยเฉพาะชั้น 2  
    ถ้าจะไม่เปลี่ยนปั้มก็แก้ง่าย ๆ ด้วยการเปลี่ยนหัวฝักบัว เพราะฝักบัวที่เค้าให้มาสามารถปรับหัวได้ 3 แบบ ก็เท่ากับมาตัวกรองถึง 3 ชั้น ทำให้การไหลของน้ำลดกำลังลง  ถ้าใช้แบบไม่มีตัวกรองก็จะทำให้น้ำไหลแรงขึ้น  สังเกตสายชำระ น้ำจะแรงกว่าฝักบัวอาบน้ำ  แต่ถ้าสายชำระก็เบาด้วย ก็...เปลี่ยนปัมไปเหอะ 555

     จริง ๆ ประทับใจเจ้าหน้าที่เค้ามากเลย เค้าบริการเราเยอะกว่าที่เราคาดไว้อีก ก็แอบหวังว่าผลจะออกมาดีด้วยเหมือนกัน นะ.

Monday, 25 July 2011

Tips : ว่าด้วยเรื่องผ้าขนหนู

ผ้าขนหนูหลังที่ใช้แล้วเริ่มไม่ซับน้ำ เนื่องมาจากการใช่ผงซักฟอกที่มีส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่อาจตกค้างในผ้า ทำให้ซับน้ำได้น้อยลง สามารถแก้ไขโดยการใส่น้ำส้มสายชูกลั่นแทนการใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มในการซักผ้าครั้งหน้า ซึ่งจะช่วยชะล้างสารตกค้างได้ ทำให้ผ้ากลับมาซับน้ำเหมือนเดิม

Wednesday, 20 July 2011

สร้างสีสรรด้วยดอกไม้

วิธีการตกแต่งบ้านง่าย ๆ และประหยัด ไม่ต้องมีอะไรมาก แค่มีดอกไม้ ใบไม้ หรือแม้กระทั่งกิ่งไม้ พร้อมแจกันสักใบ ก็สามารถสร้างสีสรรให้บ้านเราได้แล้วหล่ะ

ลองซื้อแจกันเก๋ ๆ สักใบ แค่นี้ก็แต่งบ้านได้ไม่มีเบื่อแล้วหล่ะ














เคล็ดลับดี ๆ ในการทำให้ดอกไม้อยู่ได้นานขึ้น

- หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็น ทองแดง ในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของ เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา แต่ก้ไม่รู้จะจริงรึเปล่า ต้องลอง

หรือ ข้อมูลจาก http://www.rakbankerd.com

เวลาที่เหมาะสมในการตัดดอก
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการตัดดอกก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดดอกไม้จากต้น
ดอกไม้ทุกชนิดเมื่ออยู่กับต้นจะได้รับน้ำและสารอาหารจากต้นตลอดเวลา ดอกไม้ที่ตัดขณะ ที่ต้นได้รับน้ำไม่เพียงพอ    ก้านดอกจะดูดอากาศเข้าไปแทนที่น้ำในก้านดอกทางรอยตัด จะทำให้มีน้ำอยู่ในก้านดอกน้อยทำให้เกิดฟองอากาศภายใน เมื่อนำก้านไปแช่น้ำก้านดอก จะดูดซึมน้ำได้ยาก จึงควรรดน้ำให้ต้นไม้อิ่มน้ำก่อนจึงตัดดอก

การตัดดอกควรตัดตอนเช้าหรือตอนเย็น ซึ่งก้านยังอวบน้ำอยู่ จะทำให้ดอกไม้อยู่ได้นานกว่า การตัดดอกตอนเที่ยงหรือบ่าย  เนื่องจากในช่วงอากาศร้อนจัดจะทำให้ก้านสูญเสียน้ำมาก ทำให้เหี่ยวง่าย

ดอกไม้ที่มียาง
เมื่อตัดดอกแล้วควรจุ่มโคนก้านดอกในน้ำร้อนอุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียส –90 องศาเซลเซียสประมาณ 2–3 วินาที เพื่อให้ยางหลุดออก เนื่องจากยางจะอุดตัน บริเวณรอยตัดทำให้ก้านไม่สามารถดูดน้ำได้ ระยะบานของดอกที่เหมาะสม ในการตัด ของดอกไม้แต่ละชนิดก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควร คำนึงถึงเช่นกัน


ดอกกุหลาบ ตัดได้เมื่อกลีบเลี้ยงบานออกตั้งฉากกับตัวดอกที่ยังตูกอยู่ หรือตัดเมื่อกลีบดอก กลีบแรกหรือกลีบที่สองเริ่มแย้มกลีบ  ถ้าตัดเมื่อดอกยังอ่อนเกินไปจะทำให้ดอกเหี่ยวง่าย และไม่บานต่อ แต่ถ้าตัดในขณะที่ดอกบานมากเกินไปก็จะทำให้ดอกโรยเร็ว

ดอกกุหลาบสีเหลืองจะมีระยะการบานสั้นกว่าสีอื่นจึงควรตัดเมื่อดอกยังตูมอยู่

ดอกเบญจมาศ ควรตัดเมื่อดอกที่สีเขียวใจกลางดอกจางหายไปแล้ว ถ้าเป็นดอกเป็นช่อ ควรให้ดอกที่อยู่ตรงกลางช่อบานเต็มที่ก่อน

วิธีการตัดดอก
ใช้มีดหรือกรรไกรที่และสะอาด ตัดก้านดอกให้เป็นมุมเฉียงและให้ได้รอยตัดเรียบไม่ช้ำ การตัดเฉียงๆ เพื่อให้ได้เนื้อที่ในการดูดน้ำมากขึ้น โดยเฉพาะดอกไม้ที่มีก้าน เป็นไม้เนื้อแข็ง เพราะดอกไม้ประเภทนี้จะดูดน้ำได้เฉพาะทางรอยตัดเท่านั้น

ควรริดใบด้านล่างของก้าน ออกบ้างเพื่อไม่ให้เน่าอยู่ในน้ำทำให้เกิดกลิ่น และมีแบคทีเรียเจริญในน้ำอุดต้นก้านดอก ทำให้ดูดน้ำไม่ได้

ดอกไม้จะเหี่ยวเร็ว การตัดดอกทุกครั้งควรใช้ภาชนะพลาสติกที่สะอาด ทุกครั้งใส่น้ำพอให้ท่วมก้านประมาณ 1–2 นิ้ว เป็นอย่างน้อย 


ให้น้ำอุณหภูมิ 38°C-43°C จะช่วยเร่งให้ก้านดอกดูดน้ำได้เร็วขึ้น เพื่อชดเชยกับน้ำที่เคยได้รับจากต้นแม่ทำให้ได้รับน้ำ ไม่ขาดตอน


สูตรสารเคมีอย่างง่ายในการช่วยให้ดอกไม้หลังตัดจากอยู่ได้ทนนาน
สูตรที่ 1 ผสมน้ำกับเครื่องดื่มเซเว่นอัพในอัตราส่วนที่เท่ากัน เติมน้ำยาซักผ้าขาวไฮเตอร์ 1 ช้อนชา

สูตรที่ 2 ใช้น้ำสะอาดประมาณ 1 ลิตรต่อน้ำมะนาว 2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำยาฟอกสี ? ช้อนชา


สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมของดอกไม้ปักแจกัน
- วางแจกันไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ ให้อยู่ห่างเตาไฟ
- ดอกไม้ที่ตัดดอกแล้ว ไม่สามารถทนต่อแสงอาทิตย์โดยตรงได้ แต่แสงจากหลอดไฟจะช่วยยืดอายุดอกไม้ได้ ทำให้ใบสดมีสีเขียวนานกว่าปกติ
- ควรตั้งแจกันบริเวณที่มีความชื้นสูง ถ้าอยู่ในที่ที่อากาศแห้งควรฉีดพ่นละอองน้ำให้ดอกไม้วันละ 1–2 ครั้ง
- ไม่ควรวางแจกันในที่ที่มีลมโกรก และใกล้แหล่งผลิตก๊าซเอธิลีน เช่น ผลไม้สุก เตาแก๊ส การเผาไหม้ของน้ำมันและควันบุหรี่

แค่นี้เราก็มีดอกไม้เอาไว้ดูนาน ๆ แล้วหล่ะ

รวมแบบชั้นหนังสือ

ตั้งใจว่าจะทำชั้นหนังสือกันเองที่ห้องโถงชั้นสอง รวบรวมแบบชั้นหนังสือต่างๆ ไว้ได้เยอะอยู่ มีแบบในดวงใจแล้วด้วย เดี๋ยวต้องมาดูกันว่าจะทำได้แค่ไหน ขอเวลาศึกษาวิธีทำก่อนนะ

ขอบคุณข้อมูลดีดีบางส่วนจากบ้านและสวนและ roommag







 

การทำความสะอาดกระเบื้องและปูนยาแนว

อุปกรณ์
* น้ำยาทำความสะอาดที่มี pH เป็นกลาง
* แปรงกวาดน้ำหุ้มยาง : ใช้กวาดน้ำออกจากพื้นผิวทุกวัน ช่วยป้องกันเชื้อรา
* น้ำยาทำความสะอาดที่เป็นด่างและแปรงขัดร่องกระเบื้อง
* ยาพอก และน้ำยาเคลือบเงาปูนยาแนว :  ใช้ลบคราบฝังแน่นและทำให้สีกลับมาเหมือนเดิม
* น้ำยาปูนยาแนว : ช่วยป้องกันปูนยาแนวจากคราบต่างๆ

การดูแลกระเบื้อง
-  ทันทีที่มีอะไรกระเด็นเลอะกระเบื้องให้ใช้ผ้าหมาด ๆ เช็ดเพื่องป้องกันคราบฝังแน่น  หรือหลังจาออาบน้ำเสร็จแล้วให้ใช้แปรงกวาดน้ำทุกครั้งจะช่วยลดเชื้อรา หินปูน คราบสบู่
-  หมั่นกวาดเศษกรวดทรายเล็ก ๆ ที่อาจก่อให้เกิดรอยขูดขีด
-  ใช้ฟองน้ำเช็ดกระเบื้องกับน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่า pH กลาง เช่นน้ำยาทำความสะอาด
อเนกประสงค์ และน้ำอุ่น แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้ง
-  กำจัดคราบสบู่ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่าเป็นด่าง กับน้ำอุ่นแล้วแปรงด้วยขนนุ่มๆ  ล้างให้สะอาดแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ด
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง และอุปกรณ์ทำความสะอาดที่อาจทำให้เกิดรอยเช่นแปรงขนหนา ๆ

การดูแลปูนยาแนว
-  ควรป้องกันไม่ให้คราบสกปรกฝังแน่นด้วยการทาน้ำยาเคลือบ เช่นน้ำยาเคลือบปูนยาแนว ซึ่งจะต้านทานสารที่มีน้ำและน้ำมันเป็นหลัก ควรทาซำเป็นระยะ ๆ ปีละครั้ง
- บริเวณที่มีราขึ้น ควรใช้แปรงขัดร่องกระเบื้องทำความสะอาด และเพื่อป้องกันรอยด่าง ควรทำความสะอาดประจำด้วยน้ำยาที่มีค่า pH กลางสำหรับกระเบื้อง
- เมื่อใช้ฟองน้ำเช็ดควรเปลี่ยนน้ำล้างบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ความสกปรกกระจายเป็นวงกว้าง
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำส้มสายชูซึ่งจะทำลายปูนยาแนว และไม่ควรใช้สารฟอกขาวหรือแอมโมเนียเพราะไม่ช่วยกำจัดเชื้อราแล้วยังทำให้ปูนยาแนวหรือกระเบื้องเสียอีกด้วย

Tuesday, 19 July 2011

ลอฟท์

เค้าว่ากันว่าบ้านสไตล์ลอฟท์ จะมีหลักง่ายๆ ตามนี้

1. ไม่บังสายตา : ไม่มีอะไรวางกั้นอยู่กลางบ้าน เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น
2. โชว์งานโครงสร้างแผวดิบๆ : เห็นเสาปูนเปลือย คานเหล็ก ผนังอิฐ
3. โชว์งานระบบ : น้ำ ไฟ สายโทรศัพท์ สายเน็ต มักจะร้อยในท่อเหล็ก แล้วติดให้เห็น ๆ กันไปเลย
    เต้าเสียบจะเป็นกล่องโลหะติดลอยกับผนัง ( คล้ายโรงงาน )
4. ฝ้าสูง
5. แสงธรรมชาติ และแสงไฟ จะมีช่องต่าง ๆ ให้แสงธรรมชาติเข้ามา
6. บานหน้าต่างใหญ่
7. บันไดเหล็ก
8. สีอุตสาหกรรม :  ขาว เทา ดำ สังบกะสี ปูน เหล็ก
9. โต๊ะตัวยาว อาจเป็นเหล็กหรือไม้ใหญ่ ๆ
10. เฟอร์นิเจอร์เบา ๆ เคลื่อนย้ายสะดวก

เอามาตกแต่งรวมกับ ของมันเงา ผิวเรีบย วัสดุจากธรรมชาติ ไม้ ก้อนหิน แก้ว สแตนเวส โลหะ อาจให้ดูหวานขึ้นโดยการใช้ไม้ตกแต่ง

นี่แหล่ะ บ้านในฝันของเรา
จาก roommag และ baanlaesuan






Thanks for information from ;