และแล้วก็จบสิ้นการซ่อมแซมบ้าน มีช่างเข้ามาแก้ให้ 3 ทีม แบ่งเป็นส่วน ๆ รั้วรอบบ้านรวมทั้งต้นไม้ ทาสี และยาแนว ส่วนตัวประตูต้องเรียกช่างของบริษัทเข้ามาซ่อมแทน เพราะช่างโครงการแก้เองไม่ได้
ยาแนวจริง ๆ ง่ายแฮะ แค่ซื้อยาแนวหลอดใหญ่ ๆ แล้วเอามาป้ายตรงที่เราจะยา เช่นรอยต่อฝ้า หรือ กระเบื้องเอานิ้วปาดให้เรียบ ( เอานิ้วจุ่มน้ำหน่อยกันติดนิ้ว) เดี๋ยวคราวหน้าซ่อมเองก็ได้
ส่วนสวนเค้าเอาดินมาเติมให้ ตอนแรกเอาดินมาเติมแต่ไม่ยอมลงต้นไม้ให้เหมือนเดิม พอเราทักไปช่วงบ่ายเค้าก็เอามาลงให้เหมือนเดิม ก็โอนะ
สีบ้านที่มีรอยขี้นก ตอนนี้มันหายไปหมดแล้ว.. ดีจัง
ตอนนี้เหมือนได้บ้านใหม่ แต่เสียดายประกันหมดแล้ว ต่อไปต้องดูแลอย่างดี แล้วถ้ามีขี้นกอีกเราจะทำไงเนี๊ยะ ไม่รู้จะล้างยังไง มันสูงอ่ะ หรือว่าเราควรจะซื้อที่ฉีดน้ำที่แรงอัดสูงๆ มาฉีด แต่แอบกลัวมันแรงจนสีหลุด ทำไงดีเนี๊ยะ
Little house loving
Thursday, 22 September 2011
Wednesday, 10 August 2011
ประกันบ้านครั้งสุดท้าย
ใกล้จะหมดประกันบ้าน 1 ปีแล้ว เลยต้องรีบตรวจบ้านกันอีกรอบเป็นการใหญ่ ที่เห็นหลัก ๆ ก็จะเป็นเรื่องสีแตกลายงา และสีหลุดร่อน โดยเฉพาะกำแพงรั้วบ้านที่โดยฝนอยู่เป็นประจำ
เจ้าหน้าที่โครงการเข้ามารับเรื่องเมื่อวันเสาร์ หลังจากพาดูรอบ ๆ บ้าน สรุปว่าเค้าจะทาสีให้ใหม่หมดทั้งหลังแฮะ เพิ่งรู้ว่าจริงๆ อย่างงี้เค้าเรียกว่า "ปัญหา" ที่อยู่ในสัญญาประกันเรื่องสี ไอ้เราก็แอบคิดว่าจะไม่อยู่ในประกันหรือเปล่า เพราะมันดูเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง แค่บ้านมันดูมีตำหนิ ไม่สวย รู้อย่างงี้เรียกเคลมตั้งนานแล้ว เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้เรียกซ่อมแซมได้ต่อ แต่ตอนนี้ได้เท่าที่เจ้าหน้าที่เค้าจดไปหรืออาจเพิ่มได้จนวันหมดสัญญา อีกเดือนเดียวเอง จะดูทันมั้ยหล่ะเนี่ยะ
รายการที่ต้องซ่อมแซมก็คือ
1. สีรอบตัวบ้านทั้งหลัง
2. สีกำแพงรั้วรอบบ้าน ( ต้องตัดหญ้าให้ช่างเค้าด้วย เพราะจะได้ทาสีได้ )
3. สีหรือปูนรอบบ้านที่กระเทาะ ช่างจะสกัดออกแล้วฉาบให้ใหม่
4. ประตูเลื่อนห้องครัว ล็อคยาก
5. ปูนโรงรถและเสาหน้าบ้านที่กระเทาะ เนื่องจากดินเริ่มทรุดตัว ( ช่างจะฉาบปุนตรงที่แยกกันให้ แต่ใยอนาคตถ้าดินทรุดอีก ก็อาจจะแยกได้อีก )
6. สวนหินหน้าบ้านที่ดินทรุด เค้าจะมาเติมทรายและปูหินให้ใหม่
7. บ้านส่วนที่เป็นสีเข้ม ช่างเค้าบอกว่าสีซีดแล้วเดี๋ยวมาทาให้ใหม่ .. งง อย่างงี้เรียกซีดแล้วหรอ ดูไม่ออก ไม่บอกก็ไม่รู้หรอกนะเนี่ยะ
8. ซิลิโคนที่ยาแนวไม่เนี๊ยบ เค้าจะมายาแนวให้ใหม่ .. เดี๋ยวต้องหาจุดเพิ่มจะได้เคลมทีเดียว
หลังจากชี้จุดกันอย่างสนุกสนาน (ซึ่งจริง ๆ มีแต่ 2 เรื่องเองที่จะเคลม แต้ช่างเค้าดีอ่ะ เค้าไกด์ให้ทั้งนั้นเลย ) ก็เริ่มหาจุดใหม่ ๆ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแฮะ เช่น
1. น้ำห้องน้ำไหลลงท่อช้า : นั่นเป็นเพราะตรงตัวปิดท่อเค้าใช้แบบที่ช่วยดักกลิ่นด้วย จึงทำให้น้ำมันลงช้าเองตามอุปกรณ์ ไม่เกี่ยวกับท่อ หรือการระบายน้ำ สังเกตถ้าเอาที่ปิดท่อออกน้ำจะไหลลงท่อได้ง่ายตามปกติ แบบว่าได้อย่างเสียอย่าง นั่นเอง
2. น้ำไม่แรง : เรื่องนี้แก้ได้ไม่ยาก แค่เปลี่ยนปั้มน้ำ เพราะเฟสแรก ๆ ทางโครงการใช้ปั้มขนาด 250 watt แต่พอมาโครงการเราเค้าเปลี่ยนสเปค เป็น 150watt เอง ก็เลยทำให้ลูกบ้านมีบ่น ๆ กันเหมือนกันว่าน้ำไม่แรงโดยเฉพาะชั้น 2
ถ้าจะไม่เปลี่ยนปั้มก็แก้ง่าย ๆ ด้วยการเปลี่ยนหัวฝักบัว เพราะฝักบัวที่เค้าให้มาสามารถปรับหัวได้ 3 แบบ ก็เท่ากับมาตัวกรองถึง 3 ชั้น ทำให้การไหลของน้ำลดกำลังลง ถ้าใช้แบบไม่มีตัวกรองก็จะทำให้น้ำไหลแรงขึ้น สังเกตสายชำระ น้ำจะแรงกว่าฝักบัวอาบน้ำ แต่ถ้าสายชำระก็เบาด้วย ก็...เปลี่ยนปัมไปเหอะ 555
จริง ๆ ประทับใจเจ้าหน้าที่เค้ามากเลย เค้าบริการเราเยอะกว่าที่เราคาดไว้อีก ก็แอบหวังว่าผลจะออกมาดีด้วยเหมือนกัน นะ.
เจ้าหน้าที่โครงการเข้ามารับเรื่องเมื่อวันเสาร์ หลังจากพาดูรอบ ๆ บ้าน สรุปว่าเค้าจะทาสีให้ใหม่หมดทั้งหลังแฮะ เพิ่งรู้ว่าจริงๆ อย่างงี้เค้าเรียกว่า "ปัญหา" ที่อยู่ในสัญญาประกันเรื่องสี ไอ้เราก็แอบคิดว่าจะไม่อยู่ในประกันหรือเปล่า เพราะมันดูเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง แค่บ้านมันดูมีตำหนิ ไม่สวย รู้อย่างงี้เรียกเคลมตั้งนานแล้ว เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้เรียกซ่อมแซมได้ต่อ แต่ตอนนี้ได้เท่าที่เจ้าหน้าที่เค้าจดไปหรืออาจเพิ่มได้จนวันหมดสัญญา อีกเดือนเดียวเอง จะดูทันมั้ยหล่ะเนี่ยะ
รายการที่ต้องซ่อมแซมก็คือ
1. สีรอบตัวบ้านทั้งหลัง
2. สีกำแพงรั้วรอบบ้าน ( ต้องตัดหญ้าให้ช่างเค้าด้วย เพราะจะได้ทาสีได้ )
3. สีหรือปูนรอบบ้านที่กระเทาะ ช่างจะสกัดออกแล้วฉาบให้ใหม่
4. ประตูเลื่อนห้องครัว ล็อคยาก
5. ปูนโรงรถและเสาหน้าบ้านที่กระเทาะ เนื่องจากดินเริ่มทรุดตัว ( ช่างจะฉาบปุนตรงที่แยกกันให้ แต่ใยอนาคตถ้าดินทรุดอีก ก็อาจจะแยกได้อีก )
6. สวนหินหน้าบ้านที่ดินทรุด เค้าจะมาเติมทรายและปูหินให้ใหม่
7. บ้านส่วนที่เป็นสีเข้ม ช่างเค้าบอกว่าสีซีดแล้วเดี๋ยวมาทาให้ใหม่ .. งง อย่างงี้เรียกซีดแล้วหรอ ดูไม่ออก ไม่บอกก็ไม่รู้หรอกนะเนี่ยะ
8. ซิลิโคนที่ยาแนวไม่เนี๊ยบ เค้าจะมายาแนวให้ใหม่ .. เดี๋ยวต้องหาจุดเพิ่มจะได้เคลมทีเดียว
หลังจากชี้จุดกันอย่างสนุกสนาน (ซึ่งจริง ๆ มีแต่ 2 เรื่องเองที่จะเคลม แต้ช่างเค้าดีอ่ะ เค้าไกด์ให้ทั้งนั้นเลย ) ก็เริ่มหาจุดใหม่ ๆ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแฮะ เช่น
1. น้ำห้องน้ำไหลลงท่อช้า : นั่นเป็นเพราะตรงตัวปิดท่อเค้าใช้แบบที่ช่วยดักกลิ่นด้วย จึงทำให้น้ำมันลงช้าเองตามอุปกรณ์ ไม่เกี่ยวกับท่อ หรือการระบายน้ำ สังเกตถ้าเอาที่ปิดท่อออกน้ำจะไหลลงท่อได้ง่ายตามปกติ แบบว่าได้อย่างเสียอย่าง นั่นเอง
2. น้ำไม่แรง : เรื่องนี้แก้ได้ไม่ยาก แค่เปลี่ยนปั้มน้ำ เพราะเฟสแรก ๆ ทางโครงการใช้ปั้มขนาด 250 watt แต่พอมาโครงการเราเค้าเปลี่ยนสเปค เป็น 150watt เอง ก็เลยทำให้ลูกบ้านมีบ่น ๆ กันเหมือนกันว่าน้ำไม่แรงโดยเฉพาะชั้น 2
ถ้าจะไม่เปลี่ยนปั้มก็แก้ง่าย ๆ ด้วยการเปลี่ยนหัวฝักบัว เพราะฝักบัวที่เค้าให้มาสามารถปรับหัวได้ 3 แบบ ก็เท่ากับมาตัวกรองถึง 3 ชั้น ทำให้การไหลของน้ำลดกำลังลง ถ้าใช้แบบไม่มีตัวกรองก็จะทำให้น้ำไหลแรงขึ้น สังเกตสายชำระ น้ำจะแรงกว่าฝักบัวอาบน้ำ แต่ถ้าสายชำระก็เบาด้วย ก็...เปลี่ยนปัมไปเหอะ 555
จริง ๆ ประทับใจเจ้าหน้าที่เค้ามากเลย เค้าบริการเราเยอะกว่าที่เราคาดไว้อีก ก็แอบหวังว่าผลจะออกมาดีด้วยเหมือนกัน นะ.
Monday, 25 July 2011
Tips : ว่าด้วยเรื่องผ้าขนหนู
ผ้าขนหนูหลังที่ใช้แล้วเริ่มไม่ซับน้ำ เนื่องมาจากการใช่ผงซักฟอกที่มีส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่อาจตกค้างในผ้า ทำให้ซับน้ำได้น้อยลง สามารถแก้ไขโดยการใส่น้ำส้มสายชูกลั่นแทนการใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มในการซักผ้าครั้งหน้า ซึ่งจะช่วยชะล้างสารตกค้างได้ ทำให้ผ้ากลับมาซับน้ำเหมือนเดิม
Wednesday, 20 July 2011
สร้างสีสรรด้วยดอกไม้
วิธีการตกแต่งบ้านง่าย ๆ และประหยัด ไม่ต้องมีอะไรมาก แค่มีดอกไม้ ใบไม้ หรือแม้กระทั่งกิ่งไม้ พร้อมแจกันสักใบ ก็สามารถสร้างสีสรรให้บ้านเราได้แล้วหล่ะ
ลองซื้อแจกันเก๋ ๆ สักใบ แค่นี้ก็แต่งบ้านได้ไม่มีเบื่อแล้วหล่ะ
เคล็ดลับดี ๆ ในการทำให้ดอกไม้อยู่ได้นานขึ้น
- หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็น ทองแดง ในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของ เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา แต่ก้ไม่รู้จะจริงรึเปล่า ต้องลอง
หรือ ข้อมูลจาก http://www.rakbankerd.com
เวลาที่เหมาะสมในการตัดดอก
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการตัดดอกก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดดอกไม้จากต้น
ดอกไม้ทุกชนิดเมื่ออยู่กับต้นจะได้รับน้ำและสารอาหารจากต้นตลอดเวลา ดอกไม้ที่ตัดขณะ ที่ต้นได้รับน้ำไม่เพียงพอ ก้านดอกจะดูดอากาศเข้าไปแทนที่น้ำในก้านดอกทางรอยตัด จะทำให้มีน้ำอยู่ในก้านดอกน้อยทำให้เกิดฟองอากาศภายใน เมื่อนำก้านไปแช่น้ำก้านดอก จะดูดซึมน้ำได้ยาก จึงควรรดน้ำให้ต้นไม้อิ่มน้ำก่อนจึงตัดดอก
การตัดดอกควรตัดตอนเช้าหรือตอนเย็น ซึ่งก้านยังอวบน้ำอยู่ จะทำให้ดอกไม้อยู่ได้นานกว่า การตัดดอกตอนเที่ยงหรือบ่าย เนื่องจากในช่วงอากาศร้อนจัดจะทำให้ก้านสูญเสียน้ำมาก ทำให้เหี่ยวง่าย
ดอกไม้ที่มียาง
เมื่อตัดดอกแล้วควรจุ่มโคนก้านดอกในน้ำร้อนอุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียส –90 องศาเซลเซียสประมาณ 2–3 วินาที เพื่อให้ยางหลุดออก เนื่องจากยางจะอุดตัน บริเวณรอยตัดทำให้ก้านไม่สามารถดูดน้ำได้ ระยะบานของดอกที่เหมาะสม ในการตัด ของดอกไม้แต่ละชนิดก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควร คำนึงถึงเช่นกัน
ดอกกุหลาบ ตัดได้เมื่อกลีบเลี้ยงบานออกตั้งฉากกับตัวดอกที่ยังตูกอยู่ หรือตัดเมื่อกลีบดอก กลีบแรกหรือกลีบที่สองเริ่มแย้มกลีบ ถ้าตัดเมื่อดอกยังอ่อนเกินไปจะทำให้ดอกเหี่ยวง่าย และไม่บานต่อ แต่ถ้าตัดในขณะที่ดอกบานมากเกินไปก็จะทำให้ดอกโรยเร็ว
ดอกกุหลาบสีเหลืองจะมีระยะการบานสั้นกว่าสีอื่นจึงควรตัดเมื่อดอกยังตูมอยู่
ดอกเบญจมาศ ควรตัดเมื่อดอกที่สีเขียวใจกลางดอกจางหายไปแล้ว ถ้าเป็นดอกเป็นช่อ ควรให้ดอกที่อยู่ตรงกลางช่อบานเต็มที่ก่อน
วิธีการตัดดอก
ใช้มีดหรือกรรไกรที่และสะอาด ตัดก้านดอกให้เป็นมุมเฉียงและให้ได้รอยตัดเรียบไม่ช้ำ การตัดเฉียงๆ เพื่อให้ได้เนื้อที่ในการดูดน้ำมากขึ้น โดยเฉพาะดอกไม้ที่มีก้าน เป็นไม้เนื้อแข็ง เพราะดอกไม้ประเภทนี้จะดูดน้ำได้เฉพาะทางรอยตัดเท่านั้น
ควรริดใบด้านล่างของก้าน ออกบ้างเพื่อไม่ให้เน่าอยู่ในน้ำทำให้เกิดกลิ่น และมีแบคทีเรียเจริญในน้ำอุดต้นก้านดอก ทำให้ดูดน้ำไม่ได้
ดอกไม้จะเหี่ยวเร็ว การตัดดอกทุกครั้งควรใช้ภาชนะพลาสติกที่สะอาด ทุกครั้งใส่น้ำพอให้ท่วมก้านประมาณ 1–2 นิ้ว เป็นอย่างน้อย
ให้น้ำอุณหภูมิ 38°C-43°C จะช่วยเร่งให้ก้านดอกดูดน้ำได้เร็วขึ้น เพื่อชดเชยกับน้ำที่เคยได้รับจากต้นแม่ทำให้ได้รับน้ำ ไม่ขาดตอน
สูตรสารเคมีอย่างง่ายในการช่วยให้ดอกไม้หลังตัดจากอยู่ได้ทนนาน
สูตรที่ 1 ผสมน้ำกับเครื่องดื่มเซเว่นอัพในอัตราส่วนที่เท่ากัน เติมน้ำยาซักผ้าขาวไฮเตอร์ 1 ช้อนชา
สูตรที่ 2 ใช้น้ำสะอาดประมาณ 1 ลิตรต่อน้ำมะนาว 2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำยาฟอกสี ? ช้อนชา
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมของดอกไม้ปักแจกัน
- วางแจกันไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ ให้อยู่ห่างเตาไฟ
- ดอกไม้ที่ตัดดอกแล้ว ไม่สามารถทนต่อแสงอาทิตย์โดยตรงได้ แต่แสงจากหลอดไฟจะช่วยยืดอายุดอกไม้ได้ ทำให้ใบสดมีสีเขียวนานกว่าปกติ
- ควรตั้งแจกันบริเวณที่มีความชื้นสูง ถ้าอยู่ในที่ที่อากาศแห้งควรฉีดพ่นละอองน้ำให้ดอกไม้วันละ 1–2 ครั้ง
- ไม่ควรวางแจกันในที่ที่มีลมโกรก และใกล้แหล่งผลิตก๊าซเอธิลีน เช่น ผลไม้สุก เตาแก๊ส การเผาไหม้ของน้ำมันและควันบุหรี่
แค่นี้เราก็มีดอกไม้เอาไว้ดูนาน ๆ แล้วหล่ะ
ลองซื้อแจกันเก๋ ๆ สักใบ แค่นี้ก็แต่งบ้านได้ไม่มีเบื่อแล้วหล่ะ
เคล็ดลับดี ๆ ในการทำให้ดอกไม้อยู่ได้นานขึ้น
- หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็น ทองแดง ในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของ เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา แต่ก้ไม่รู้จะจริงรึเปล่า ต้องลอง
หรือ ข้อมูลจาก http://www.rakbankerd.com
เวลาที่เหมาะสมในการตัดดอก
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการตัดดอกก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดดอกไม้จากต้น
ดอกไม้ทุกชนิดเมื่ออยู่กับต้นจะได้รับน้ำและสารอาหารจากต้นตลอดเวลา ดอกไม้ที่ตัดขณะ ที่ต้นได้รับน้ำไม่เพียงพอ ก้านดอกจะดูดอากาศเข้าไปแทนที่น้ำในก้านดอกทางรอยตัด จะทำให้มีน้ำอยู่ในก้านดอกน้อยทำให้เกิดฟองอากาศภายใน เมื่อนำก้านไปแช่น้ำก้านดอก จะดูดซึมน้ำได้ยาก จึงควรรดน้ำให้ต้นไม้อิ่มน้ำก่อนจึงตัดดอก
การตัดดอกควรตัดตอนเช้าหรือตอนเย็น ซึ่งก้านยังอวบน้ำอยู่ จะทำให้ดอกไม้อยู่ได้นานกว่า การตัดดอกตอนเที่ยงหรือบ่าย เนื่องจากในช่วงอากาศร้อนจัดจะทำให้ก้านสูญเสียน้ำมาก ทำให้เหี่ยวง่าย
ดอกไม้ที่มียาง
เมื่อตัดดอกแล้วควรจุ่มโคนก้านดอกในน้ำร้อนอุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียส –90 องศาเซลเซียสประมาณ 2–3 วินาที เพื่อให้ยางหลุดออก เนื่องจากยางจะอุดตัน บริเวณรอยตัดทำให้ก้านไม่สามารถดูดน้ำได้ ระยะบานของดอกที่เหมาะสม ในการตัด ของดอกไม้แต่ละชนิดก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควร คำนึงถึงเช่นกัน
ดอกกุหลาบ ตัดได้เมื่อกลีบเลี้ยงบานออกตั้งฉากกับตัวดอกที่ยังตูกอยู่ หรือตัดเมื่อกลีบดอก กลีบแรกหรือกลีบที่สองเริ่มแย้มกลีบ ถ้าตัดเมื่อดอกยังอ่อนเกินไปจะทำให้ดอกเหี่ยวง่าย และไม่บานต่อ แต่ถ้าตัดในขณะที่ดอกบานมากเกินไปก็จะทำให้ดอกโรยเร็ว
ดอกกุหลาบสีเหลืองจะมีระยะการบานสั้นกว่าสีอื่นจึงควรตัดเมื่อดอกยังตูมอยู่
ดอกเบญจมาศ ควรตัดเมื่อดอกที่สีเขียวใจกลางดอกจางหายไปแล้ว ถ้าเป็นดอกเป็นช่อ ควรให้ดอกที่อยู่ตรงกลางช่อบานเต็มที่ก่อน
วิธีการตัดดอก
ใช้มีดหรือกรรไกรที่และสะอาด ตัดก้านดอกให้เป็นมุมเฉียงและให้ได้รอยตัดเรียบไม่ช้ำ การตัดเฉียงๆ เพื่อให้ได้เนื้อที่ในการดูดน้ำมากขึ้น โดยเฉพาะดอกไม้ที่มีก้าน เป็นไม้เนื้อแข็ง เพราะดอกไม้ประเภทนี้จะดูดน้ำได้เฉพาะทางรอยตัดเท่านั้น
ควรริดใบด้านล่างของก้าน ออกบ้างเพื่อไม่ให้เน่าอยู่ในน้ำทำให้เกิดกลิ่น และมีแบคทีเรียเจริญในน้ำอุดต้นก้านดอก ทำให้ดูดน้ำไม่ได้
ดอกไม้จะเหี่ยวเร็ว การตัดดอกทุกครั้งควรใช้ภาชนะพลาสติกที่สะอาด ทุกครั้งใส่น้ำพอให้ท่วมก้านประมาณ 1–2 นิ้ว เป็นอย่างน้อย
ให้น้ำอุณหภูมิ 38°C-43°C จะช่วยเร่งให้ก้านดอกดูดน้ำได้เร็วขึ้น เพื่อชดเชยกับน้ำที่เคยได้รับจากต้นแม่ทำให้ได้รับน้ำ ไม่ขาดตอน
สูตรสารเคมีอย่างง่ายในการช่วยให้ดอกไม้หลังตัดจากอยู่ได้ทนนาน
สูตรที่ 1 ผสมน้ำกับเครื่องดื่มเซเว่นอัพในอัตราส่วนที่เท่ากัน เติมน้ำยาซักผ้าขาวไฮเตอร์ 1 ช้อนชา
สูตรที่ 2 ใช้น้ำสะอาดประมาณ 1 ลิตรต่อน้ำมะนาว 2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำยาฟอกสี ? ช้อนชา
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมของดอกไม้ปักแจกัน
- วางแจกันไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ ให้อยู่ห่างเตาไฟ
- ดอกไม้ที่ตัดดอกแล้ว ไม่สามารถทนต่อแสงอาทิตย์โดยตรงได้ แต่แสงจากหลอดไฟจะช่วยยืดอายุดอกไม้ได้ ทำให้ใบสดมีสีเขียวนานกว่าปกติ
- ควรตั้งแจกันบริเวณที่มีความชื้นสูง ถ้าอยู่ในที่ที่อากาศแห้งควรฉีดพ่นละอองน้ำให้ดอกไม้วันละ 1–2 ครั้ง
- ไม่ควรวางแจกันในที่ที่มีลมโกรก และใกล้แหล่งผลิตก๊าซเอธิลีน เช่น ผลไม้สุก เตาแก๊ส การเผาไหม้ของน้ำมันและควันบุหรี่
แค่นี้เราก็มีดอกไม้เอาไว้ดูนาน ๆ แล้วหล่ะ
รวมแบบชั้นหนังสือ
ตั้งใจว่าจะทำชั้นหนังสือกันเองที่ห้องโถงชั้นสอง รวบรวมแบบชั้นหนังสือต่างๆ ไว้ได้เยอะอยู่ มีแบบในดวงใจแล้วด้วย เดี๋ยวต้องมาดูกันว่าจะทำได้แค่ไหน ขอเวลาศึกษาวิธีทำก่อนนะ
ขอบคุณข้อมูลดีดีบางส่วนจากบ้านและสวนและ roommag
ขอบคุณข้อมูลดีดีบางส่วนจากบ้านและสวนและ roommag
การทำความสะอาดกระเบื้องและปูนยาแนว
อุปกรณ์
* น้ำยาทำความสะอาดที่มี pH เป็นกลาง
* แปรงกวาดน้ำหุ้มยาง : ใช้กวาดน้ำออกจากพื้นผิวทุกวัน ช่วยป้องกันเชื้อรา
* น้ำยาทำความสะอาดที่เป็นด่างและแปรงขัดร่องกระเบื้อง
* ยาพอก และน้ำยาเคลือบเงาปูนยาแนว : ใช้ลบคราบฝังแน่นและทำให้สีกลับมาเหมือนเดิม
* น้ำยาปูนยาแนว : ช่วยป้องกันปูนยาแนวจากคราบต่างๆ
การดูแลกระเบื้อง
- ทันทีที่มีอะไรกระเด็นเลอะกระเบื้องให้ใช้ผ้าหมาด ๆ เช็ดเพื่องป้องกันคราบฝังแน่น หรือหลังจาออาบน้ำเสร็จแล้วให้ใช้แปรงกวาดน้ำทุกครั้งจะช่วยลดเชื้อรา หินปูน คราบสบู่
- หมั่นกวาดเศษกรวดทรายเล็ก ๆ ที่อาจก่อให้เกิดรอยขูดขีด
- ใช้ฟองน้ำเช็ดกระเบื้องกับน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่า pH กลาง เช่นน้ำยาทำความสะอาด
อเนกประสงค์ และน้ำอุ่น แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้ง
- กำจัดคราบสบู่ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่าเป็นด่าง กับน้ำอุ่นแล้วแปรงด้วยขนนุ่มๆ ล้างให้สะอาดแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ด
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง และอุปกรณ์ทำความสะอาดที่อาจทำให้เกิดรอยเช่นแปรงขนหนา ๆ
การดูแลปูนยาแนว
- ควรป้องกันไม่ให้คราบสกปรกฝังแน่นด้วยการทาน้ำยาเคลือบ เช่นน้ำยาเคลือบปูนยาแนว ซึ่งจะต้านทานสารที่มีน้ำและน้ำมันเป็นหลัก ควรทาซำเป็นระยะ ๆ ปีละครั้ง
- บริเวณที่มีราขึ้น ควรใช้แปรงขัดร่องกระเบื้องทำความสะอาด และเพื่อป้องกันรอยด่าง ควรทำความสะอาดประจำด้วยน้ำยาที่มีค่า pH กลางสำหรับกระเบื้อง
- เมื่อใช้ฟองน้ำเช็ดควรเปลี่ยนน้ำล้างบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ความสกปรกกระจายเป็นวงกว้าง
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำส้มสายชูซึ่งจะทำลายปูนยาแนว และไม่ควรใช้สารฟอกขาวหรือแอมโมเนียเพราะไม่ช่วยกำจัดเชื้อราแล้วยังทำให้ปูนยาแนวหรือกระเบื้องเสียอีกด้วย
* น้ำยาทำความสะอาดที่มี pH เป็นกลาง
* แปรงกวาดน้ำหุ้มยาง : ใช้กวาดน้ำออกจากพื้นผิวทุกวัน ช่วยป้องกันเชื้อรา
* น้ำยาทำความสะอาดที่เป็นด่างและแปรงขัดร่องกระเบื้อง
* ยาพอก และน้ำยาเคลือบเงาปูนยาแนว : ใช้ลบคราบฝังแน่นและทำให้สีกลับมาเหมือนเดิม
* น้ำยาปูนยาแนว : ช่วยป้องกันปูนยาแนวจากคราบต่างๆ
การดูแลกระเบื้อง
- ทันทีที่มีอะไรกระเด็นเลอะกระเบื้องให้ใช้ผ้าหมาด ๆ เช็ดเพื่องป้องกันคราบฝังแน่น หรือหลังจาออาบน้ำเสร็จแล้วให้ใช้แปรงกวาดน้ำทุกครั้งจะช่วยลดเชื้อรา หินปูน คราบสบู่
- หมั่นกวาดเศษกรวดทรายเล็ก ๆ ที่อาจก่อให้เกิดรอยขูดขีด
- ใช้ฟองน้ำเช็ดกระเบื้องกับน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่า pH กลาง เช่นน้ำยาทำความสะอาด
อเนกประสงค์ และน้ำอุ่น แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้ง
- กำจัดคราบสบู่ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่าเป็นด่าง กับน้ำอุ่นแล้วแปรงด้วยขนนุ่มๆ ล้างให้สะอาดแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ด
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง และอุปกรณ์ทำความสะอาดที่อาจทำให้เกิดรอยเช่นแปรงขนหนา ๆ
การดูแลปูนยาแนว
- ควรป้องกันไม่ให้คราบสกปรกฝังแน่นด้วยการทาน้ำยาเคลือบ เช่นน้ำยาเคลือบปูนยาแนว ซึ่งจะต้านทานสารที่มีน้ำและน้ำมันเป็นหลัก ควรทาซำเป็นระยะ ๆ ปีละครั้ง
- บริเวณที่มีราขึ้น ควรใช้แปรงขัดร่องกระเบื้องทำความสะอาด และเพื่อป้องกันรอยด่าง ควรทำความสะอาดประจำด้วยน้ำยาที่มีค่า pH กลางสำหรับกระเบื้อง
- เมื่อใช้ฟองน้ำเช็ดควรเปลี่ยนน้ำล้างบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ความสกปรกกระจายเป็นวงกว้าง
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำส้มสายชูซึ่งจะทำลายปูนยาแนว และไม่ควรใช้สารฟอกขาวหรือแอมโมเนียเพราะไม่ช่วยกำจัดเชื้อราแล้วยังทำให้ปูนยาแนวหรือกระเบื้องเสียอีกด้วย
Tuesday, 19 July 2011
ลอฟท์
เค้าว่ากันว่าบ้านสไตล์ลอฟท์ จะมีหลักง่ายๆ ตามนี้
1. ไม่บังสายตา : ไม่มีอะไรวางกั้นอยู่กลางบ้าน เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น
2. โชว์งานโครงสร้างแผวดิบๆ : เห็นเสาปูนเปลือย คานเหล็ก ผนังอิฐ
3. โชว์งานระบบ : น้ำ ไฟ สายโทรศัพท์ สายเน็ต มักจะร้อยในท่อเหล็ก แล้วติดให้เห็น ๆ กันไปเลย
เต้าเสียบจะเป็นกล่องโลหะติดลอยกับผนัง ( คล้ายโรงงาน )
4. ฝ้าสูง
5. แสงธรรมชาติ และแสงไฟ จะมีช่องต่าง ๆ ให้แสงธรรมชาติเข้ามา
6. บานหน้าต่างใหญ่
7. บันไดเหล็ก
8. สีอุตสาหกรรม : ขาว เทา ดำ สังบกะสี ปูน เหล็ก
9. โต๊ะตัวยาว อาจเป็นเหล็กหรือไม้ใหญ่ ๆ
10. เฟอร์นิเจอร์เบา ๆ เคลื่อนย้ายสะดวก
เอามาตกแต่งรวมกับ ของมันเงา ผิวเรีบย วัสดุจากธรรมชาติ ไม้ ก้อนหิน แก้ว สแตนเวส โลหะ อาจให้ดูหวานขึ้นโดยการใช้ไม้ตกแต่ง
นี่แหล่ะ บ้านในฝันของเรา
จาก roommag และ baanlaesuan
1. ไม่บังสายตา : ไม่มีอะไรวางกั้นอยู่กลางบ้าน เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น
2. โชว์งานโครงสร้างแผวดิบๆ : เห็นเสาปูนเปลือย คานเหล็ก ผนังอิฐ
3. โชว์งานระบบ : น้ำ ไฟ สายโทรศัพท์ สายเน็ต มักจะร้อยในท่อเหล็ก แล้วติดให้เห็น ๆ กันไปเลย
เต้าเสียบจะเป็นกล่องโลหะติดลอยกับผนัง ( คล้ายโรงงาน )
4. ฝ้าสูง
5. แสงธรรมชาติ และแสงไฟ จะมีช่องต่าง ๆ ให้แสงธรรมชาติเข้ามา
6. บานหน้าต่างใหญ่
7. บันไดเหล็ก
8. สีอุตสาหกรรม : ขาว เทา ดำ สังบกะสี ปูน เหล็ก
9. โต๊ะตัวยาว อาจเป็นเหล็กหรือไม้ใหญ่ ๆ
10. เฟอร์นิเจอร์เบา ๆ เคลื่อนย้ายสะดวก
เอามาตกแต่งรวมกับ ของมันเงา ผิวเรีบย วัสดุจากธรรมชาติ ไม้ ก้อนหิน แก้ว สแตนเวส โลหะ อาจให้ดูหวานขึ้นโดยการใช้ไม้ตกแต่ง
นี่แหล่ะ บ้านในฝันของเรา
จาก roommag และ baanlaesuan
Thanks for information from ;
Subscribe to:
Posts (Atom)