Monday, 25 July 2011
Tips : ว่าด้วยเรื่องผ้าขนหนู
ผ้าขนหนูหลังที่ใช้แล้วเริ่มไม่ซับน้ำ เนื่องมาจากการใช่ผงซักฟอกที่มีส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่อาจตกค้างในผ้า ทำให้ซับน้ำได้น้อยลง สามารถแก้ไขโดยการใส่น้ำส้มสายชูกลั่นแทนการใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มในการซักผ้าครั้งหน้า ซึ่งจะช่วยชะล้างสารตกค้างได้ ทำให้ผ้ากลับมาซับน้ำเหมือนเดิม
Wednesday, 20 July 2011
สร้างสีสรรด้วยดอกไม้
วิธีการตกแต่งบ้านง่าย ๆ และประหยัด ไม่ต้องมีอะไรมาก แค่มีดอกไม้ ใบไม้ หรือแม้กระทั่งกิ่งไม้ พร้อมแจกันสักใบ ก็สามารถสร้างสีสรรให้บ้านเราได้แล้วหล่ะ
ลองซื้อแจกันเก๋ ๆ สักใบ แค่นี้ก็แต่งบ้านได้ไม่มีเบื่อแล้วหล่ะ
เคล็ดลับดี ๆ ในการทำให้ดอกไม้อยู่ได้นานขึ้น
- หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็น ทองแดง ในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของ เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา แต่ก้ไม่รู้จะจริงรึเปล่า ต้องลอง
หรือ ข้อมูลจาก http://www.rakbankerd.com
เวลาที่เหมาะสมในการตัดดอก
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการตัดดอกก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดดอกไม้จากต้น
ดอกไม้ทุกชนิดเมื่ออยู่กับต้นจะได้รับน้ำและสารอาหารจากต้นตลอดเวลา ดอกไม้ที่ตัดขณะ ที่ต้นได้รับน้ำไม่เพียงพอ ก้านดอกจะดูดอากาศเข้าไปแทนที่น้ำในก้านดอกทางรอยตัด จะทำให้มีน้ำอยู่ในก้านดอกน้อยทำให้เกิดฟองอากาศภายใน เมื่อนำก้านไปแช่น้ำก้านดอก จะดูดซึมน้ำได้ยาก จึงควรรดน้ำให้ต้นไม้อิ่มน้ำก่อนจึงตัดดอก
การตัดดอกควรตัดตอนเช้าหรือตอนเย็น ซึ่งก้านยังอวบน้ำอยู่ จะทำให้ดอกไม้อยู่ได้นานกว่า การตัดดอกตอนเที่ยงหรือบ่าย เนื่องจากในช่วงอากาศร้อนจัดจะทำให้ก้านสูญเสียน้ำมาก ทำให้เหี่ยวง่าย
ดอกไม้ที่มียาง
เมื่อตัดดอกแล้วควรจุ่มโคนก้านดอกในน้ำร้อนอุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียส –90 องศาเซลเซียสประมาณ 2–3 วินาที เพื่อให้ยางหลุดออก เนื่องจากยางจะอุดตัน บริเวณรอยตัดทำให้ก้านไม่สามารถดูดน้ำได้ ระยะบานของดอกที่เหมาะสม ในการตัด ของดอกไม้แต่ละชนิดก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควร คำนึงถึงเช่นกัน
ดอกกุหลาบ ตัดได้เมื่อกลีบเลี้ยงบานออกตั้งฉากกับตัวดอกที่ยังตูกอยู่ หรือตัดเมื่อกลีบดอก กลีบแรกหรือกลีบที่สองเริ่มแย้มกลีบ ถ้าตัดเมื่อดอกยังอ่อนเกินไปจะทำให้ดอกเหี่ยวง่าย และไม่บานต่อ แต่ถ้าตัดในขณะที่ดอกบานมากเกินไปก็จะทำให้ดอกโรยเร็ว
ดอกกุหลาบสีเหลืองจะมีระยะการบานสั้นกว่าสีอื่นจึงควรตัดเมื่อดอกยังตูมอยู่
ดอกเบญจมาศ ควรตัดเมื่อดอกที่สีเขียวใจกลางดอกจางหายไปแล้ว ถ้าเป็นดอกเป็นช่อ ควรให้ดอกที่อยู่ตรงกลางช่อบานเต็มที่ก่อน
วิธีการตัดดอก
ใช้มีดหรือกรรไกรที่และสะอาด ตัดก้านดอกให้เป็นมุมเฉียงและให้ได้รอยตัดเรียบไม่ช้ำ การตัดเฉียงๆ เพื่อให้ได้เนื้อที่ในการดูดน้ำมากขึ้น โดยเฉพาะดอกไม้ที่มีก้าน เป็นไม้เนื้อแข็ง เพราะดอกไม้ประเภทนี้จะดูดน้ำได้เฉพาะทางรอยตัดเท่านั้น
ควรริดใบด้านล่างของก้าน ออกบ้างเพื่อไม่ให้เน่าอยู่ในน้ำทำให้เกิดกลิ่น และมีแบคทีเรียเจริญในน้ำอุดต้นก้านดอก ทำให้ดูดน้ำไม่ได้
ดอกไม้จะเหี่ยวเร็ว การตัดดอกทุกครั้งควรใช้ภาชนะพลาสติกที่สะอาด ทุกครั้งใส่น้ำพอให้ท่วมก้านประมาณ 1–2 นิ้ว เป็นอย่างน้อย
ให้น้ำอุณหภูมิ 38°C-43°C จะช่วยเร่งให้ก้านดอกดูดน้ำได้เร็วขึ้น เพื่อชดเชยกับน้ำที่เคยได้รับจากต้นแม่ทำให้ได้รับน้ำ ไม่ขาดตอน
สูตรสารเคมีอย่างง่ายในการช่วยให้ดอกไม้หลังตัดจากอยู่ได้ทนนาน
สูตรที่ 1 ผสมน้ำกับเครื่องดื่มเซเว่นอัพในอัตราส่วนที่เท่ากัน เติมน้ำยาซักผ้าขาวไฮเตอร์ 1 ช้อนชา
สูตรที่ 2 ใช้น้ำสะอาดประมาณ 1 ลิตรต่อน้ำมะนาว 2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำยาฟอกสี ? ช้อนชา
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมของดอกไม้ปักแจกัน
- วางแจกันไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ ให้อยู่ห่างเตาไฟ
- ดอกไม้ที่ตัดดอกแล้ว ไม่สามารถทนต่อแสงอาทิตย์โดยตรงได้ แต่แสงจากหลอดไฟจะช่วยยืดอายุดอกไม้ได้ ทำให้ใบสดมีสีเขียวนานกว่าปกติ
- ควรตั้งแจกันบริเวณที่มีความชื้นสูง ถ้าอยู่ในที่ที่อากาศแห้งควรฉีดพ่นละอองน้ำให้ดอกไม้วันละ 1–2 ครั้ง
- ไม่ควรวางแจกันในที่ที่มีลมโกรก และใกล้แหล่งผลิตก๊าซเอธิลีน เช่น ผลไม้สุก เตาแก๊ส การเผาไหม้ของน้ำมันและควันบุหรี่
แค่นี้เราก็มีดอกไม้เอาไว้ดูนาน ๆ แล้วหล่ะ
ลองซื้อแจกันเก๋ ๆ สักใบ แค่นี้ก็แต่งบ้านได้ไม่มีเบื่อแล้วหล่ะ
เคล็ดลับดี ๆ ในการทำให้ดอกไม้อยู่ได้นานขึ้น
- หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็น ทองแดง ในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของ เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา แต่ก้ไม่รู้จะจริงรึเปล่า ต้องลอง
หรือ ข้อมูลจาก http://www.rakbankerd.com
เวลาที่เหมาะสมในการตัดดอก
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการตัดดอกก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดดอกไม้จากต้น
ดอกไม้ทุกชนิดเมื่ออยู่กับต้นจะได้รับน้ำและสารอาหารจากต้นตลอดเวลา ดอกไม้ที่ตัดขณะ ที่ต้นได้รับน้ำไม่เพียงพอ ก้านดอกจะดูดอากาศเข้าไปแทนที่น้ำในก้านดอกทางรอยตัด จะทำให้มีน้ำอยู่ในก้านดอกน้อยทำให้เกิดฟองอากาศภายใน เมื่อนำก้านไปแช่น้ำก้านดอก จะดูดซึมน้ำได้ยาก จึงควรรดน้ำให้ต้นไม้อิ่มน้ำก่อนจึงตัดดอก
การตัดดอกควรตัดตอนเช้าหรือตอนเย็น ซึ่งก้านยังอวบน้ำอยู่ จะทำให้ดอกไม้อยู่ได้นานกว่า การตัดดอกตอนเที่ยงหรือบ่าย เนื่องจากในช่วงอากาศร้อนจัดจะทำให้ก้านสูญเสียน้ำมาก ทำให้เหี่ยวง่าย
ดอกไม้ที่มียาง
เมื่อตัดดอกแล้วควรจุ่มโคนก้านดอกในน้ำร้อนอุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียส –90 องศาเซลเซียสประมาณ 2–3 วินาที เพื่อให้ยางหลุดออก เนื่องจากยางจะอุดตัน บริเวณรอยตัดทำให้ก้านไม่สามารถดูดน้ำได้ ระยะบานของดอกที่เหมาะสม ในการตัด ของดอกไม้แต่ละชนิดก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควร คำนึงถึงเช่นกัน
ดอกกุหลาบ ตัดได้เมื่อกลีบเลี้ยงบานออกตั้งฉากกับตัวดอกที่ยังตูกอยู่ หรือตัดเมื่อกลีบดอก กลีบแรกหรือกลีบที่สองเริ่มแย้มกลีบ ถ้าตัดเมื่อดอกยังอ่อนเกินไปจะทำให้ดอกเหี่ยวง่าย และไม่บานต่อ แต่ถ้าตัดในขณะที่ดอกบานมากเกินไปก็จะทำให้ดอกโรยเร็ว
ดอกกุหลาบสีเหลืองจะมีระยะการบานสั้นกว่าสีอื่นจึงควรตัดเมื่อดอกยังตูมอยู่
ดอกเบญจมาศ ควรตัดเมื่อดอกที่สีเขียวใจกลางดอกจางหายไปแล้ว ถ้าเป็นดอกเป็นช่อ ควรให้ดอกที่อยู่ตรงกลางช่อบานเต็มที่ก่อน
วิธีการตัดดอก
ใช้มีดหรือกรรไกรที่และสะอาด ตัดก้านดอกให้เป็นมุมเฉียงและให้ได้รอยตัดเรียบไม่ช้ำ การตัดเฉียงๆ เพื่อให้ได้เนื้อที่ในการดูดน้ำมากขึ้น โดยเฉพาะดอกไม้ที่มีก้าน เป็นไม้เนื้อแข็ง เพราะดอกไม้ประเภทนี้จะดูดน้ำได้เฉพาะทางรอยตัดเท่านั้น
ควรริดใบด้านล่างของก้าน ออกบ้างเพื่อไม่ให้เน่าอยู่ในน้ำทำให้เกิดกลิ่น และมีแบคทีเรียเจริญในน้ำอุดต้นก้านดอก ทำให้ดูดน้ำไม่ได้
ดอกไม้จะเหี่ยวเร็ว การตัดดอกทุกครั้งควรใช้ภาชนะพลาสติกที่สะอาด ทุกครั้งใส่น้ำพอให้ท่วมก้านประมาณ 1–2 นิ้ว เป็นอย่างน้อย
ให้น้ำอุณหภูมิ 38°C-43°C จะช่วยเร่งให้ก้านดอกดูดน้ำได้เร็วขึ้น เพื่อชดเชยกับน้ำที่เคยได้รับจากต้นแม่ทำให้ได้รับน้ำ ไม่ขาดตอน
สูตรสารเคมีอย่างง่ายในการช่วยให้ดอกไม้หลังตัดจากอยู่ได้ทนนาน
สูตรที่ 1 ผสมน้ำกับเครื่องดื่มเซเว่นอัพในอัตราส่วนที่เท่ากัน เติมน้ำยาซักผ้าขาวไฮเตอร์ 1 ช้อนชา
สูตรที่ 2 ใช้น้ำสะอาดประมาณ 1 ลิตรต่อน้ำมะนาว 2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำยาฟอกสี ? ช้อนชา
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมของดอกไม้ปักแจกัน
- วางแจกันไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ ให้อยู่ห่างเตาไฟ
- ดอกไม้ที่ตัดดอกแล้ว ไม่สามารถทนต่อแสงอาทิตย์โดยตรงได้ แต่แสงจากหลอดไฟจะช่วยยืดอายุดอกไม้ได้ ทำให้ใบสดมีสีเขียวนานกว่าปกติ
- ควรตั้งแจกันบริเวณที่มีความชื้นสูง ถ้าอยู่ในที่ที่อากาศแห้งควรฉีดพ่นละอองน้ำให้ดอกไม้วันละ 1–2 ครั้ง
- ไม่ควรวางแจกันในที่ที่มีลมโกรก และใกล้แหล่งผลิตก๊าซเอธิลีน เช่น ผลไม้สุก เตาแก๊ส การเผาไหม้ของน้ำมันและควันบุหรี่
แค่นี้เราก็มีดอกไม้เอาไว้ดูนาน ๆ แล้วหล่ะ
รวมแบบชั้นหนังสือ
ตั้งใจว่าจะทำชั้นหนังสือกันเองที่ห้องโถงชั้นสอง รวบรวมแบบชั้นหนังสือต่างๆ ไว้ได้เยอะอยู่ มีแบบในดวงใจแล้วด้วย เดี๋ยวต้องมาดูกันว่าจะทำได้แค่ไหน ขอเวลาศึกษาวิธีทำก่อนนะ
ขอบคุณข้อมูลดีดีบางส่วนจากบ้านและสวนและ roommag
ขอบคุณข้อมูลดีดีบางส่วนจากบ้านและสวนและ roommag
การทำความสะอาดกระเบื้องและปูนยาแนว
อุปกรณ์
* น้ำยาทำความสะอาดที่มี pH เป็นกลาง
* แปรงกวาดน้ำหุ้มยาง : ใช้กวาดน้ำออกจากพื้นผิวทุกวัน ช่วยป้องกันเชื้อรา
* น้ำยาทำความสะอาดที่เป็นด่างและแปรงขัดร่องกระเบื้อง
* ยาพอก และน้ำยาเคลือบเงาปูนยาแนว : ใช้ลบคราบฝังแน่นและทำให้สีกลับมาเหมือนเดิม
* น้ำยาปูนยาแนว : ช่วยป้องกันปูนยาแนวจากคราบต่างๆ
การดูแลกระเบื้อง
- ทันทีที่มีอะไรกระเด็นเลอะกระเบื้องให้ใช้ผ้าหมาด ๆ เช็ดเพื่องป้องกันคราบฝังแน่น หรือหลังจาออาบน้ำเสร็จแล้วให้ใช้แปรงกวาดน้ำทุกครั้งจะช่วยลดเชื้อรา หินปูน คราบสบู่
- หมั่นกวาดเศษกรวดทรายเล็ก ๆ ที่อาจก่อให้เกิดรอยขูดขีด
- ใช้ฟองน้ำเช็ดกระเบื้องกับน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่า pH กลาง เช่นน้ำยาทำความสะอาด
อเนกประสงค์ และน้ำอุ่น แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้ง
- กำจัดคราบสบู่ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่าเป็นด่าง กับน้ำอุ่นแล้วแปรงด้วยขนนุ่มๆ ล้างให้สะอาดแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ด
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง และอุปกรณ์ทำความสะอาดที่อาจทำให้เกิดรอยเช่นแปรงขนหนา ๆ
การดูแลปูนยาแนว
- ควรป้องกันไม่ให้คราบสกปรกฝังแน่นด้วยการทาน้ำยาเคลือบ เช่นน้ำยาเคลือบปูนยาแนว ซึ่งจะต้านทานสารที่มีน้ำและน้ำมันเป็นหลัก ควรทาซำเป็นระยะ ๆ ปีละครั้ง
- บริเวณที่มีราขึ้น ควรใช้แปรงขัดร่องกระเบื้องทำความสะอาด และเพื่อป้องกันรอยด่าง ควรทำความสะอาดประจำด้วยน้ำยาที่มีค่า pH กลางสำหรับกระเบื้อง
- เมื่อใช้ฟองน้ำเช็ดควรเปลี่ยนน้ำล้างบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ความสกปรกกระจายเป็นวงกว้าง
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำส้มสายชูซึ่งจะทำลายปูนยาแนว และไม่ควรใช้สารฟอกขาวหรือแอมโมเนียเพราะไม่ช่วยกำจัดเชื้อราแล้วยังทำให้ปูนยาแนวหรือกระเบื้องเสียอีกด้วย
* น้ำยาทำความสะอาดที่มี pH เป็นกลาง
* แปรงกวาดน้ำหุ้มยาง : ใช้กวาดน้ำออกจากพื้นผิวทุกวัน ช่วยป้องกันเชื้อรา
* น้ำยาทำความสะอาดที่เป็นด่างและแปรงขัดร่องกระเบื้อง
* ยาพอก และน้ำยาเคลือบเงาปูนยาแนว : ใช้ลบคราบฝังแน่นและทำให้สีกลับมาเหมือนเดิม
* น้ำยาปูนยาแนว : ช่วยป้องกันปูนยาแนวจากคราบต่างๆ
การดูแลกระเบื้อง
- ทันทีที่มีอะไรกระเด็นเลอะกระเบื้องให้ใช้ผ้าหมาด ๆ เช็ดเพื่องป้องกันคราบฝังแน่น หรือหลังจาออาบน้ำเสร็จแล้วให้ใช้แปรงกวาดน้ำทุกครั้งจะช่วยลดเชื้อรา หินปูน คราบสบู่
- หมั่นกวาดเศษกรวดทรายเล็ก ๆ ที่อาจก่อให้เกิดรอยขูดขีด
- ใช้ฟองน้ำเช็ดกระเบื้องกับน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่า pH กลาง เช่นน้ำยาทำความสะอาด
อเนกประสงค์ และน้ำอุ่น แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้ง
- กำจัดคราบสบู่ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่าเป็นด่าง กับน้ำอุ่นแล้วแปรงด้วยขนนุ่มๆ ล้างให้สะอาดแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ด
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง และอุปกรณ์ทำความสะอาดที่อาจทำให้เกิดรอยเช่นแปรงขนหนา ๆ
การดูแลปูนยาแนว
- ควรป้องกันไม่ให้คราบสกปรกฝังแน่นด้วยการทาน้ำยาเคลือบ เช่นน้ำยาเคลือบปูนยาแนว ซึ่งจะต้านทานสารที่มีน้ำและน้ำมันเป็นหลัก ควรทาซำเป็นระยะ ๆ ปีละครั้ง
- บริเวณที่มีราขึ้น ควรใช้แปรงขัดร่องกระเบื้องทำความสะอาด และเพื่อป้องกันรอยด่าง ควรทำความสะอาดประจำด้วยน้ำยาที่มีค่า pH กลางสำหรับกระเบื้อง
- เมื่อใช้ฟองน้ำเช็ดควรเปลี่ยนน้ำล้างบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ความสกปรกกระจายเป็นวงกว้าง
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำส้มสายชูซึ่งจะทำลายปูนยาแนว และไม่ควรใช้สารฟอกขาวหรือแอมโมเนียเพราะไม่ช่วยกำจัดเชื้อราแล้วยังทำให้ปูนยาแนวหรือกระเบื้องเสียอีกด้วย
Tuesday, 19 July 2011
ลอฟท์
เค้าว่ากันว่าบ้านสไตล์ลอฟท์ จะมีหลักง่ายๆ ตามนี้
1. ไม่บังสายตา : ไม่มีอะไรวางกั้นอยู่กลางบ้าน เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น
2. โชว์งานโครงสร้างแผวดิบๆ : เห็นเสาปูนเปลือย คานเหล็ก ผนังอิฐ
3. โชว์งานระบบ : น้ำ ไฟ สายโทรศัพท์ สายเน็ต มักจะร้อยในท่อเหล็ก แล้วติดให้เห็น ๆ กันไปเลย
เต้าเสียบจะเป็นกล่องโลหะติดลอยกับผนัง ( คล้ายโรงงาน )
4. ฝ้าสูง
5. แสงธรรมชาติ และแสงไฟ จะมีช่องต่าง ๆ ให้แสงธรรมชาติเข้ามา
6. บานหน้าต่างใหญ่
7. บันไดเหล็ก
8. สีอุตสาหกรรม : ขาว เทา ดำ สังบกะสี ปูน เหล็ก
9. โต๊ะตัวยาว อาจเป็นเหล็กหรือไม้ใหญ่ ๆ
10. เฟอร์นิเจอร์เบา ๆ เคลื่อนย้ายสะดวก
เอามาตกแต่งรวมกับ ของมันเงา ผิวเรีบย วัสดุจากธรรมชาติ ไม้ ก้อนหิน แก้ว สแตนเวส โลหะ อาจให้ดูหวานขึ้นโดยการใช้ไม้ตกแต่ง
นี่แหล่ะ บ้านในฝันของเรา
จาก roommag และ baanlaesuan
1. ไม่บังสายตา : ไม่มีอะไรวางกั้นอยู่กลางบ้าน เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น
2. โชว์งานโครงสร้างแผวดิบๆ : เห็นเสาปูนเปลือย คานเหล็ก ผนังอิฐ
3. โชว์งานระบบ : น้ำ ไฟ สายโทรศัพท์ สายเน็ต มักจะร้อยในท่อเหล็ก แล้วติดให้เห็น ๆ กันไปเลย
เต้าเสียบจะเป็นกล่องโลหะติดลอยกับผนัง ( คล้ายโรงงาน )
4. ฝ้าสูง
5. แสงธรรมชาติ และแสงไฟ จะมีช่องต่าง ๆ ให้แสงธรรมชาติเข้ามา
6. บานหน้าต่างใหญ่
7. บันไดเหล็ก
8. สีอุตสาหกรรม : ขาว เทา ดำ สังบกะสี ปูน เหล็ก
9. โต๊ะตัวยาว อาจเป็นเหล็กหรือไม้ใหญ่ ๆ
10. เฟอร์นิเจอร์เบา ๆ เคลื่อนย้ายสะดวก
เอามาตกแต่งรวมกับ ของมันเงา ผิวเรีบย วัสดุจากธรรมชาติ ไม้ ก้อนหิน แก้ว สแตนเวส โลหะ อาจให้ดูหวานขึ้นโดยการใช้ไม้ตกแต่ง
นี่แหล่ะ บ้านในฝันของเรา
จาก roommag และ baanlaesuan
Thanks for information from ;
การขัดเงาปูนเปลือย
แอบชอบงานปูนเปลือยเอามากมาก แต่บ้านที่เพิ่งซื้อเค้าติด wall paper มาให้ซะสวยแล้ว ก็เลยยังไม่อยากไปยุ่งอะไรกะเค้า เก็บความชอบเอาไว้ลึก ๆ เผื่อสักวันหนึ่งเราจะมี
ได้ความรู้ดีๆ มาจาก baanlaesuan เกี่ยวกับการขัดเงาปูนเปลือยตามนี้เลย
"ถ้าอยากให้เคาน์เตอร์ปูนเปลือยของคุณดูมันๆวาวๆก็ต้องบอกให้ช่างใช้กระดาษ ทรายเบอร์ละเอียดขัดตั้งแต่ตอนทำ แต่ถ้าทำเสร็จแล้วยังไม่ถูกใจก็ให้ลง "น้ำยาเคลือบเงา" เลือกชนิดที่กันซึมด้วย (Coat & Seal) สีปูนจะเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่จะช่วยลดการซึมซับน้ำและน้ำมันจากอาหารได้ดี การทำความสะอาดก็จะง่ายขึ้นด้วย แต่อาจต้องลงน้ำยาใหม่เป็นระยะๆ
มีวิธีทำง่ายๆ คือ ลงแวกซ์น้ำหลายๆเที่ยว จะเงาขึ้นได้ แต่ความไม่เรียบของพื้นผิว จะเห็นชัดขึ้นด้วยตามมา หรือทำอีกวิธีคือ ทำเหมือนการปาดปูนปกติ แต่ก่อนที่ปูนผิวหน้าจะ set ตัว จะเกิดการ film ของน้ำลอยหน้าขึ้นมา ให้นำปูนซิเมนต์ผง ไปโรยปิด และปาดหน้าด้วยเกรียงเหล็ก การโรยผงซิเมต์นั้นเพื่อไม่ให้เกิดช่องอากาศที่ผิวหน้า ขณะที่ปูนกำลัง set ตัว การลงแวกซ์เป็นการช่วยเคลือบผิวอีกที และต้องลงเป็นระยะครับ แล้วแต่ความหนาของแวกซ์ที่ซึมลงไป
พื้นและผนังปูนเปลือยในห้องน้ำ
การทำปูนให้ "เปลือย" คือการไม่ทาสีทับปูน ผิวของปูนสามารถทำเป็นแบบหยาบหรือขัดจนมันปิ๊งได้ วิธีการขัดก็คือหลังจากฉาบจนเรียบได้ระนาบที่ต้องการแล้ว ช่างจะโรยปูนเปล่าๆ (ไม่มีทรายแต่อาจผสมสีฝุ่นลงไปด้วยถ้าต้องการเพิ่มสีสัน) จากนั้นก็ลงมือขัดฉาบจนผิวเรียบ ถ้ายังไม่สะใจอาจขัดต่อด้วยเครื่องขัดกระดาษทรายเบอร์ละเอียด แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจทำ ลองให้ช่างของคุณทำให้ดูในบริเวณเล็กๆก่อน เผื่อคุณไม่ถูกใจในฝีมือก็อาจเปลี่ยนใจได้ เพราะความดิบไม่เหมาะกับทุกบ้านหรอกนะครับ ถ้าต้องการอารมณ์เท่แบบอุตสาหกรรมเหมือนในหนังสือต่างประเทศก็ต้องทำเป็นผนังหล่อในแบบที่เรียบ ซึ่งไม่ต้องขัด แต่ก็จะไม่มีลวดลายฝีมือของช่างไทย
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความสวยงามตามความชอบ การประหยัดสีและเวลาก่อสร้าง หรือไม่ก็เพื่อการใช้งานที่สมบุกสมบัน หากคุณต้องการทำผนังในห้องน้ำ ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะความสวยงาม ผมจึงเลือกรูปตัวอย่างมาให้ดู พร้อมแง่คิดในการทำผนังและพื้นปูนเปลือยครับ
ตัวอย่างที่ 1
แม้ผนังปูนเปลือยในห้องน้ำนี้จะดูเรียบง่าย แต่ก็ดูไม่ดิบเกินไป รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่น่าสังเกตอยู่ตรงขอบบัวบางๆที่แบ่งส่วนผนังทาสีด้านบนกับผนังปูนเปลือย สีเทาเข้มแท้ๆของปูนบวกกับลายอิสระที่เกิดจากการฉาบและขัดมัน กลายเป็นเสน่ห์ที่มากับความเปลือยของปูน ถ้าต้องการให้มีความมันวาวเพิ่มขึ้น คุณสามารถเคลือบผิวด้วยน้ำยาเคลือบหินหรือปูนแบบใสได้
ตัวอย่างที่ 2
ผิวสัมผัสของปูนเปลือยมีเสน่ห์ในตัวอยู่แล้ว คุณสามารถเพิ่มสีสันให้ปูนได้โดยไม่ต้องทาสีด้วยการ ย้อมสีบางๆให้มองเห็นลายปูน หรือผสมสีฝุ่นลงในปูนก่อนฉาบ ผนังปูนสีสวยก็จะโป๊นิดๆแต่ไม่ถึงกับเปลือย โดยส่วนตัวผมคิดว่าปูนเปลือยบางทีก็ให้ความรู้สึกกระด้างและเย็นชา การเติมสีสันช่วยเพิ่มความสนุกสนานได้ดีทีเดียว พื้นปูนก็สามารถทำแบบเดียวกันได้ด้วยครับ
ตัวอย่างที่ 3
นอกจากผนังแล้ว ห้องน้ำนี้ยังมีพื้นและเคาน์เตอร์ที่ทำจากปูนเปลือยด้วย โอ่งดินเผาผิวด้านที่เลือกใช้ก็ดูเข้ากันดี ข้อพึงระวังในการทำผนังปูนเปลือยคือการฝังท่อน้ำ ท่อเดินสายไฟ ซึ่งอาจเกิดรอยร้าวได้ ถ้าฝังท่อตื้นเกินไป หรือหากมีการทุบเพื่อย้ายหรือฝังท่อทีหลังก็จะเห็นเป็นรอยแนวท่อ หากความดิบอย่างนี้มากเกินความชอบของคุณ อาจลองเดินท่อแบบลอยแทน
ตัวอย่างที่ 4
นอกจากลวดลายตามธรรมชาติของปูนแล้ว คุณยังสามารถเพิ่มเติมลวดลายลงไปด้วยการพิมพ์ให้เป็น รูปต่างๆ อย่างในภาพตัวอย่าง ผู้ออกแบบวางใบไม้ลงบนแม่แบบก่อนจะเทปูน เมื่อปูนแห้งก็แกะแบบออก คุณจะได้ลวดลายสวยๆอย่างที่เห็นบนเพดานปูนเปลือย เทคนิคนี้ใช้ได้กับพื้นและผนังด้วย อีกวิธีหนึ่งคือ เลือกใช้ไม้แบบที่มีผิวขรุขระ ปูนหล่อที่ได้ก็จะมีลวดลายขรุขระไปด้วย สวยคนละอย่างกับผนังฉาบหรือหล่อจากแบบเรียบๆครับ
ตัวอย่างที่ 5
อีกทางเลือกหนึ่งของการทำผนังให้ได้อารมณ์ของปูนเปลือยโดยไม่ต้องเปลือยจริงๆก็คือ การทำผนังด้วยแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ที่ทำจากเศษไม้หรือเส้นใยกระดาษมาอัดเป็นแผ่นกับซีเมนต์ ผิวสัมผัสก็จะคล้ายๆกับปูนเปลือยที่ฉาบได้เรียบมากๆ ข้อดีคือติดตั้งง่าย สวยงาม ทนทาน กันน้ำได้ (ผู้ผลิตว่าอย่างนั้น) แต่ด้วยความที่วัสดุชนิดนี้มีลักษณะเป็นแผ่นๆ จึงมีรอยต่อ ถ้าทำอย่างประณีตก็จะดูสวย คล้ายๆกับปูนหล่อจากแบบ สำหรับยี่ห้อที่ขายกันทั่วไป เช่น "Viva Board" "Etherpan" "Conwood" และ "Flexyboard" แต่ละยี่ห้อจะมีสีเข้มอ่อนต่างกันเล็กน้อย อาจต้องทาสีย้อมทับให้คล้ายปูนเปลือยในแบบที่คุณต้องการ
พื้นดิบๆที่เห็นในแม็กกาซีน ส่วนใหญ่เขากลิ้งทับด้วย liquid densifier คุณสมบัติเหมือน floor hardener แต่เป็นชนิดน้ำ ใช้กลิ้งบนพื้นขัดมันหลังปูนเซ็ทตัว liquidจะซึมเข้าลงผิวพื้นประมาณ 0.5 ซม. เมื่อแห้งจะมีความแข็งที่ผิวเสมือน floor hardener และผิวกึ่งเงาเหมือนลงแล็คเกอร์ ถ้าต้องการเงามันให้ลงแว็กซ์สัก2-3 เที่ยว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความสวยงามตามความชอบ การประหยัดสีและเวลาก่อสร้าง หรือไม่ก็เพื่อการใช้งานที่สมบุกสมบัน หากคุณต้องการทำผนังในห้องน้ำ ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะความสวยงาม ผมจึงเลือกรูปตัวอย่างมาให้ดู พร้อมแง่คิดในการทำผนังและพื้นปูนเปลือยครับ
ตัวอย่างที่ 1
แม้ผนังปูนเปลือยในห้องน้ำนี้จะดูเรียบง่าย แต่ก็ดูไม่ดิบเกินไป รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่น่าสังเกตอยู่ตรงขอบบัวบางๆที่แบ่งส่วนผนังทาสีด้านบนกับผนังปูนเปลือย สีเทาเข้มแท้ๆของปูนบวกกับลายอิสระที่เกิดจากการฉาบและขัดมัน กลายเป็นเสน่ห์ที่มากับความเปลือยของปูน ถ้าต้องการให้มีความมันวาวเพิ่มขึ้น คุณสามารถเคลือบผิวด้วยน้ำยาเคลือบหินหรือปูนแบบใสได้
ตัวอย่างที่ 2
ผิวสัมผัสของปูนเปลือยมีเสน่ห์ในตัวอยู่แล้ว คุณสามารถเพิ่มสีสันให้ปูนได้โดยไม่ต้องทาสีด้วยการ ย้อมสีบางๆให้มองเห็นลายปูน หรือผสมสีฝุ่นลงในปูนก่อนฉาบ ผนังปูนสีสวยก็จะโป๊นิดๆแต่ไม่ถึงกับเปลือย โดยส่วนตัวผมคิดว่าปูนเปลือยบางทีก็ให้ความรู้สึกกระด้างและเย็นชา การเติมสีสันช่วยเพิ่มความสนุกสนานได้ดีทีเดียว พื้นปูนก็สามารถทำแบบเดียวกันได้ด้วยครับ
ตัวอย่างที่ 3
นอกจากผนังแล้ว ห้องน้ำนี้ยังมีพื้นและเคาน์เตอร์ที่ทำจากปูนเปลือยด้วย โอ่งดินเผาผิวด้านที่เลือกใช้ก็ดูเข้ากันดี ข้อพึงระวังในการทำผนังปูนเปลือยคือการฝังท่อน้ำ ท่อเดินสายไฟ ซึ่งอาจเกิดรอยร้าวได้ ถ้าฝังท่อตื้นเกินไป หรือหากมีการทุบเพื่อย้ายหรือฝังท่อทีหลังก็จะเห็นเป็นรอยแนวท่อ หากความดิบอย่างนี้มากเกินความชอบของคุณ อาจลองเดินท่อแบบลอยแทน
ตัวอย่างที่ 4
นอกจากลวดลายตามธรรมชาติของปูนแล้ว คุณยังสามารถเพิ่มเติมลวดลายลงไปด้วยการพิมพ์ให้เป็น รูปต่างๆ อย่างในภาพตัวอย่าง ผู้ออกแบบวางใบไม้ลงบนแม่แบบก่อนจะเทปูน เมื่อปูนแห้งก็แกะแบบออก คุณจะได้ลวดลายสวยๆอย่างที่เห็นบนเพดานปูนเปลือย เทคนิคนี้ใช้ได้กับพื้นและผนังด้วย อีกวิธีหนึ่งคือ เลือกใช้ไม้แบบที่มีผิวขรุขระ ปูนหล่อที่ได้ก็จะมีลวดลายขรุขระไปด้วย สวยคนละอย่างกับผนังฉาบหรือหล่อจากแบบเรียบๆครับ
ตัวอย่างที่ 5
อีกทางเลือกหนึ่งของการทำผนังให้ได้อารมณ์ของปูนเปลือยโดยไม่ต้องเปลือยจริงๆก็คือ การทำผนังด้วยแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ที่ทำจากเศษไม้หรือเส้นใยกระดาษมาอัดเป็นแผ่นกับซีเมนต์ ผิวสัมผัสก็จะคล้ายๆกับปูนเปลือยที่ฉาบได้เรียบมากๆ ข้อดีคือติดตั้งง่าย สวยงาม ทนทาน กันน้ำได้ (ผู้ผลิตว่าอย่างนั้น) แต่ด้วยความที่วัสดุชนิดนี้มีลักษณะเป็นแผ่นๆ จึงมีรอยต่อ ถ้าทำอย่างประณีตก็จะดูสวย คล้ายๆกับปูนหล่อจากแบบ สำหรับยี่ห้อที่ขายกันทั่วไป เช่น "Viva Board" "Etherpan" "Conwood" และ "Flexyboard" แต่ละยี่ห้อจะมีสีเข้มอ่อนต่างกันเล็กน้อย อาจต้องทาสีย้อมทับให้คล้ายปูนเปลือยในแบบที่คุณต้องการ
thanks for information from http://www.baanlaesuan.com/
DIY : Party place mats
วิธีการตกแต่งโต๊ะอาหารง่ายๆ แถมถูกอีกต่างหาก แต่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย อีกหนึ่งไอเดียที่เราสามารถช่วยกันทำในครอบครัว ได้ฝึกศิลปะ สมาธิ แถมยังได้ใช้เวลาร่วมกันให้เกิดประโยชน์ น่าจะเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจชิ้นหนึ่งเหมือนกัน แถมสามารถเอามาดัดแปลงใช้กับงานอื่นๆ ได้อีก
Thanks for good idea from : MARTHA STEWART LIVING THAILAND
Subscribe to:
Posts (Atom)